ข่าว MBB TV News Online # หายากสุดๆ ในพระสกุลลำพูน กรุมหาวัน จังหวัดลำพูน # ชม "พระนางสิกขี" นางยักษ์ "ผู้มากมี เหลือล้น เหลือกิน เหลือใช้ ผู้มากด้วยลาภสักการะ" ศิลปทวารวดี กรุมหาวัน จังหวัดลำพูน ด้านหลังฝัง "พระรอด กรุมหาวัน พิมพ์ใหญ่" อายุกว่า ๑,๓๐๐ ปี

# ทรงสร้างขึ้นโดยองค์ "พระแม่จามเทวี" องค์ปฐมกษัตริย์ แห่งนครหริภุญชัย ในวาระเดียวกันกับการสร้าง "พระรอด" กรุมหาวัน

# “พระนางสิกขี” นี้จะเป็นพระที่สร้างมาน้อยมากๆ และพบน้อยมาก ในพระสกุลลำพูน

# โดยได้สร้างตามคติโปราณ ในครั้งพุทธกาล ตามพุทธประวัติกล่าวถึง “นางยักขินี หรือนางยักษิณี” ตนหนึ่งผู้ผูกจองกรรมเวร กับ “นางกุลธิดา” มาหลายภพหลายชาติ จนถึงกระทั่งมีวาสนาบารมีได้เข้าเฝ้า “องค์พระบรมศาสดา สมณโคดมพุทธะ สัมมาสัมพุทธเจ้า” ในขณะที่ติดตามไล่ล่าจะเอาชีวิตทารกน้อยของ นางกุลธิดา เพื่อนำมาเป็นอาหาร

# ในครานั้นนางกุลธิดาก็ได้วิ่งหนียักษิณี จนมาถึง “เชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี” ที่ประทับของ "พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า" แล้วก็ได้เข้าไปสู่ เชตวันมหาวิหาร นั้นพร้อมได้ทูลขอชีวิตทารกน้อยต่อหน้า “องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุธเจ้า”

# นางยักษิณี ก็ได้ไล่ล่าติดตามมาถึงประตูของ เชตวันมหาวิหาร แต่เทวดาประจำซุ้มประตูไม่ยอมให้นางยักษิณี เข้าไป

# "องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า" ทรงทราบด้วยญาณวิถีแห่งพระองค์ ก็ได้ตรัสแก่ พระอานนท์ ให้ไปเรียกนางยักษิณี ตนนั้นให้เข้ามาเฝ้าพระองค์

# เมื่อนางยักษิณี ได้เข้ามาสู่ เชตวันมหาวิหาร และได้นั่งในที่อันควรแล้ว "องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุธเจ้า" พระองค์ก็ได้แสดงธรรม โปรดแก่นางยักขิณี และนางกุลธิดา จนกระทั่งนางยักษิณีได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุ “พระโสดาบัน” ต่อหน้า "องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า " นั้น

# นางยักษิณีก็ได้ร้องให้พรรณาว่า บัดนี้ตนเองเป็นผู้มีศีลมีธรรมแล้ว กาลต่อไปในภายภาคหน้า ตนเองจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ในขณะที่เมื่อก่อนหน้านี้ได้ท่องเที่ยวไป จับสัตว์น้อยใหญ่ เป็นอาหารก็ยังไม่เต็มท้องเลย

# "องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า" ก็ตรัสโปรดให้นางยักษิณี ไปอาศัยอยู่ที่โรงกระเดื่อง หรือโรงนาของนางกุลธิดา และให้นางกุลธิดา รับมีหน้าที่เป็นผู้จัดหาข้าวปลาอาหารให้แก่นางยักษิณีได้กิน

# นางทั้งคู่ก็ได้ทำหน้าที่ต่อกัน ตามที่ "องค์พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า" ทรงโปรดรับสั่ง

# และโดยที่นางยักขินี เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ คือสำเร็จ “อนาคตังสญาณ” สามารถล่วงรู้วาระเหตุการณ์ล่วงหน้า ได้ว่าในปีนี้จะมีฝนตกมามากน้อยแค่ไหน ควรจะปลูกข้าวพืชพันธ์ ธัญญาหาร ชนิดไหน ในที่ลุ่ม หรือที่ดอน จึงก็ได้บอกกล่าวให้นางกุลธิดา ปฎิบัติตาม

# นางกุลธิดา ก็ได้ปฎิบัติตามคำชี้แนะบอกกล่าวของนางยักษิณี ผลปรากฎว่าผลผลิตพืชพันธ์ ธัญญาหารที่ปลูกไว้ ได้ผลลิตที่อุดมสมบูรณ์มากๆ มิได้เกิดความเสียหายใดๆ จากภัยธรรมชาติเลย

# ซึ่งแตกต่างจากผลผลิตของชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ได้ผลผลิตน้อย เนื่องด้วยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ซึ่งก็ได้สร้างความแปลกใจให้กับเพื่อนบ้านเป็นอย่างยิ่ง

# เหล่าเพื่อนบ้านจึงได้เข้ามาสอบถามนางกุลธิดาว่าทำอย่างใดฤา ถึงได้ผลผลิตพืชพันธ์ ธัญญาหาร ที่อุดมสมบูรณ์มากๆ

# นางกุลธิดาก็ได้เล่ากล่าวว่านางได้รับคำชี้แนะ แนะนำจาก นางยักษิณี ผู้มีความสามารถพิเศษ ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ของดินฟ้าอากาศ ว่าในปีนี้จะมีฝนตกมามากน้อยแค่ไหน ควรปลูกพืชพันธ์ธัญญาหาร อย่างไร ในที่ลุ่ม หรือที่ดอน

# หลังจากนั้นเพื่อนบ้านก็ได้ขอร้องต่อ นางยักษิณีให้ช่วยเหลือพวกตนเองด้วย นางยักษิณี ก็ไม่ขัดข้องใดๆ ได้ให้คำชี้แนะ แนะนำ ช่วยเหลือแก่เพื่อนบ้านทุกคน

# เหล่าเพื่อนบ้านทั้งหลายก็ได้ปฎิบัติตามคำชี้แนะ แนะนำ ของนางยักษีณี

# ผลปรากฎว่า ก็ได้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ ดีดั่งเช่นที่นางกุลธิดาได้รับ จึงได้นำข้าวปลา พืชพันธ์ ธัญญาหาร มามอบสังเวยให้กับนางยักษิณี ได้กินใช้อย่างล้นเหลือ จนเหลือกิน เหลือใช้

# นางยักษณี จึงคิดที่จะนำ พืชพันธ์ ธัญญาหาร เหล่านั้น ไปถวายให้แก่เหล่าพระภิกษุสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา โดยการจับฉลาก มิได้เจาะจงมอบถวายให้แก่พระภิกษุ รูปหนึ่งรูปใด

# ซึ่งความศรัทธาริ่เริ่มของนางยักษิณี ดังกล่าวมาข้างต้น จึงได้กลายมาเป็นประเพณี “จับฉลากพัตร หรือสลากภัต” ที่ทางภาคเหนือจะเรียกว่า "ประเพณีตานก๋วยสลาก" มาตั้งแต่คราวพุทธกาล จวบจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้

# และในกาลต่อๆ มาก็ได้มีการสร้างพระรูปบูชาของ “นางยักษิณี” ผู้บรรลุธรรม "พระโสดาบัน" และสำเร็จได้ "อนาคตังสญาณ” ขึ้นมาสักการะบูชาตามคติความเชื่อที่ว่าเป็น “ผู้มากมี เหลือล้น เหลือกิน เหลือใช้ ผู้มากด้วยลาภสักการะ”

ใหม่กว่า เก่ากว่า